สมัครสมาชิก เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก เข้าสู่ระบบ
วางแผนการเงินกับอาจารย์ปิง | วางแผนภาษี 2564 รายได้เท่าไหร่ถึงต้องเสียภาษี
 

เงินเดือนเท่าไร รายได้เท่าไร ถึงต้องเสียภาษี?
 
วางแผนการเงินกับอาจารย์ปิงวันนี้ เราจะมาหาคำตอบว่าบุคคลที่มีเงินเดือนเกินเท่าไร หรือมีรายได้เกินปีละเท่าไร ถึงต้องเสียภาษี
เพดานรายได้ที่เริ่มต้องเสียภาษีขั้นแรกอยู่ที่ 150,000 บาท เนื่องจากเงินได้สุทธิส่วนที่ไม่เกิน 150,000 บาท ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
อย่างไรก็ตามเงินได้สุทธินั้นเป็นเงินได้พึงประเมินหลังหักค่าใช้จ่าย ค่าลดหย่อน และค่าบริจาค
ถ้าหากบวกค่าใช้จ่ายสำหรับบุคคลที่เป็นมนุษย์เงินเดือนมีเงินได้พึงประเมินประเภทที่ 1 หรือ ฟรีแลนซ์ที่มีเงินได้พึงประเมินประเภทที่ 2 อีก 100,000 บาท และค่าลดหย่อนส่วนตัวอีก 60,000 บาท กลับเข้าไป ก็จะทำให้เพดานรายได้ที่เริ่มต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้นเป็น 310,000 บาทต่อปี
นอกจากนั้นถ้าหากบวกค่าลดหย่อนเงินสมทบกองทุนประกันสังคมอีก 9,000 บาทกลับเข้าไป ก็จะทำให้เพดานรายได้ที่เริ่มต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้นเป็น 319,000 บาท
ยิ่งไปกว่านั้นถ้าหากบวกค่าลดหย่อนจากเบี้ยประกันสุขภาพและเบี้ยประกันชีวิตอีก 100,000 บาท และค่าลดหย่อนจากเงินสะสมกบข. กองทุนสงเคราะห์ครูโรงเรียนเอกชน กองทุนการออมแห่งชาติ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ กองทุนรวมเพื่อการออม เบี้ยประกันแบบบำนาญ อีก 500,000 บาท เพดานรายได้ที่เริ่มต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาก็จะเพิ่มขึ้นเป็น 919,000 บาทต่อปีเลยทีเดียว
นั่นหมายความว่าถ้าหากเรารู้จักวางแผนการเงินและวางแผนภาษี รู้จักและเข้าใจค่าใช้จ่ายค่าลดหย่อน และค่าบริจาคต่างๆก็จะยิ่งทำให้เราอาจเสียภาษีน้อยลงหรือไม่ต้องเสียภาษีเลยก็ได้และที่สำคัญก็คือถูกต้องตามกฎหมายอีกด้วย
 
ถ้าเรามาลงรายละเอียดที่มาของการคำนวณเงินเดือนหรือรายได้ที่เริ่มต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา คงต้องเริ่มพิจารณาจากพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 470) พ.ศ.2551 กำหนดว่าเงินได้สุทธิเฉพาะส่วนที่ไม่เกิน 150,000 บาท ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ดังนั้นผู้ที่มีเงินได้สุทธิเกิน 150,000 บาทจึงต้องเสียภาษีตามอัตราขั้นบันได
 
อย่างไรก็ตามการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจะอ้างอิงจากเงินได้สุทธิไม่ใช่เงินได้พึงประเมินหรือไม่ใช่รายได้
ทั้งนี้การคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามวิธีการทั่วๆไป หรือที่มักเรียกกันว่าวิธีที่ 1 จะคำนวณภาษีตามบัญชีอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจากเงินได้สุทธิตามสูตรต่อไปนี้
 
เงินได้สุทธิ = เงินได้พึงประเมินทุกประเภท - ค่าใช้จ่าย - ค่าลดหย่อน - ค่าบริจาค
 
ทั้งนี้เนื่องจากเงินบริจาคที่หักค่าลดหย่อนต้องไม่เกินร้อยละ 10 ของเงินได้หลังจากหักค่าใช้จ่ายและหักค่าลดหย่อนต่างๆแล้ว การคำนวณหารายได้ขั้นต่ำที่ต้องเสียภาษีในที่นี้จึงไม่ได้นำเงินบริจาคมาร่วมคำนวณด้วย
 
อย่างไรก็ตามการจะตอบคำถามว่าผู้มีเงินได้ที่มีรายได้เท่าไรถึงต้องเสียภาษี จะต้องพิจารณาด้วยว่าเงินได้นั้นเป็นเงินได้พึงประเมินประเภทใด เพราะจะส่งผลต่อการหักค่าใช้จ่ายตามกฎหมาย
 
มนุษย์เงินเดือนซึ่งมีเงินได้พึงประเมินประเภทที่ 1 จากการเป็นลูกจ้างของนายจ้างตามสัญญาจ้างแรงงาน และฟรีแลนซ์ซึ่งมีเงินได้พึงประเมินประเภทที่ 2 จากการรับจ้างทำของที่อาศัยแรงงานตนเองเป็นปัจจัยสำคัญ หรือจากหน้าที่หรือตำแหน่งงานที่ทำ จะสามารถหักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมาได้ร้อยละ 50 ของเงินได้แต่ต้องไม่เกิน 100,000 บาท
 

ThaiPFA ศูนย์อบรมต้นแบบ สู่เส้นทางคุณวุฒิวิชาชีพนักวางแผนการเงิน CFP มืออาชีพมาตรฐานสากล

 


Thai Professional Finance Academy (ThaiPFA)

ติดต่อ


      086-666-0090 , 082-701-7077 , 087-063-3306 
 

ขอบคุณทุกความไว้วางใจ ที่มีให้ ThaiPFA


#นักวางแผนการเงินCFP มาตรฐานสากลกับThaiPFA  #เส้นทางสู่วิชาชีพนักวางแผนการเงินCFP มาตรฐานสากลโดยThaiPFA #ThaiPFA ศูนย์อบรมต้นแบบเพื่อความมั่งคั่งมั่นคงและยั่งยืน 
E-mail: thaipfa@gmail.com
Website: www.thaipfa.co.th  , www.thaipfaonline.com , www.allaboutfin.com
Social network: www.facebook.com/thaipfa
LINE: @thaipfa
Mobile: 086-666-0090 , 087-063-3306 ,082-701-7077

ThaiPFA NEWS

เรื่องราวดีๆ ที่อยากบอกเล่า พร้อมข่าวสารและสาระดีๆ ทางการเงิน

ผลงานที่ผ่านมา
portfolio
  • In-House Training, Public Training และบริษัทอื่นๆ...

ความคิดเห็นของผู้เข้าอบรม

หลากหลายความประทับใจ และ คำแนะนำให้อบรมหลักสูตรการวางแผนการเงิน CFP
และหลักสูตรการเงินอื่นๆ กับ ThaiPFA