กองทุนเงินสงเคราะห์ลูกจ้างคืออะไร? สิทธิสำคัญที่ลูกจ้างหลายคนไม่รู้ว่ามี

ในโลกการทำงาน หลายคนอาจคุ้นเคยกับเงินเดือน โบนัส หรือกองทุนประกันสังคม
แต่มีสิทธิหนึ่งที่ลูกจ้างจำนวนไม่น้อยยังไม่รู้จัก คือ “กองทุนเงินสงเคราะห์ลูกจ้าง”
สิทธินี้สามารถช่วยบรรเทาภาระทางการเงินได้ในยามจำเป็น — แต่จะใช้ได้ต้องเข้าใจว่า มันคืออะไรและมีเงื่อนไขอย่างไร
 

กองทุนเงินสงเคราะห์ลูกจ้างคืออะไร?

กองทุนเงินสงเคราะห์ลูกจ้าง เป็นกองทุนที่จัดตั้งขึ้นตาม พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน เพื่อจ่ายเงินชดเชยหรือช่วยเหลือแก่ลูกจ้างในกรณีที่นายจ้างไม่สามารถจ่ายเงินให้ตามที่กฎหมายกำหนดได้
โดยมี กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เป็นหน่วยงานดูแล

กล่าวง่าย ๆ คือ กองทุนนี้ทำหน้าที่ “ช่วยจ่ายแทนนายจ้าง” ให้กับลูกจ้างในบางกรณี เช่น นายจ้างปิดกิจการ ล้มละลาย หรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลแรงงานในการจ่ายเงิน
 

กรณีที่ลูกจ้างมีสิทธิขอรับเงินจากกองทุน

ลูกจ้างสามารถยื่นขอรับเงินจากกองทุนเงินสงเคราะห์ลูกจ้างได้ เมื่อมีเหตุการณ์ดังนี้

1. นายจ้างปิดกิจการชั่วคราวหรือถาวร โดยไม่ได้จ่ายค่าจ้าง ค่าชดเชย หรือเงินอื่นตามกฎหมาย

2. นายจ้างล้มละลาย และไม่สามารถจ่ายเงินให้ลูกจ้างได้

3. นายจ้างไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาหรือคำสั่งศาลแรงงาน ให้จ่ายค่าจ้างหรือค่าชดเชย

4. นายจ้างผิดสัญญาว่าจ้าง จนทำให้ลูกจ้างเสียสิทธิด้านค่าจ้างหรือผลประโยชน์อื่น ๆ
   
    

เงินที่สามารถขอรับได้จากกองทุน

กองทุนนี้สามารถจ่ายให้ลูกจ้างในหลายกรณี เช่น

• ค่าจ้างค้างจ่าย

• ค่าล่วงเวลา

• ค่าชดเชยตามกฎหมาย (ตามอายุงาน)

• ค่าชดเชยกรณีเลิกจ้างไม่เป็นธรรม

• สิทธิประโยชน์อื่น ๆ ที่นายจ้างค้างจ่าย

หมายเหตุ: กองทุนจะจ่าย ตามจริงแต่ไม่เกินเพดานที่กฎหมายกำหนด และจะจ่ายเฉพาะในกรณีที่ลูกจ้างได้ยื่นเรื่องและได้รับการพิจารณาว่าเข้าเงื่อนไข
 

ขั้นตอนการขอรับเงินจากกองทุน

1. ยื่นคำร้อง ต่อสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานในพื้นที่

2. แนบเอกสารหลักฐาน เช่น สัญญาจ้าง, สลิปเงินเดือน, คำพิพากษาศาลแรงงาน (ถ้ามี)

3. เจ้าหน้าที่ตรวจสอบสิทธิ และพิจารณาตามเงื่อนไขกฎหมาย

4. รับเงินจากกองทุน ภายในระยะเวลาที่กำหนด
    

ทำไมลูกจ้างควรรู้เรื่องนี้?

หลายคนเมื่อถูกเลิกจ้างหรือนายจ้างปิดกิจการ มักคิดว่าต้อง “ทำใจ” และยอมเสียสิทธิ
แต่ในความจริงแล้ว กองทุนนี้มีไว้เพื่อปกป้องสิทธิของลูกจ้างและช่วยลดผลกระทบทางการเงินในช่วงวิกฤติ

ข้อคิดสำคัญ: การวางแผนการเงินไม่ใช่แค่การออมและลงทุน แต่รวมถึงการรู้จักสิทธิและกฎหมายที่ช่วยปกป้องเราด้วย