สมัครสมาชิก เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก เข้าสู่ระบบ
CFP vs CFA ต่างกันอย่างไร ?
 

CFP vs CFA ต่างกันอย่างไร? อยากโตในสายการเงิน ใบไหนสร้างความน่าเชื่อถือได้ "เร็วที่สุด"?

 



หากคุณกำลังวางแผน "อยากทำงานสายการเงิน" และต้องการอัปเกรดเงินเดือนหรือความก้าวหน้า เชื่อว่าคำถามแรกๆ ที่ผุดขึ้นมาคือ "สอบ CFP หรือ CFA ดี?" เพราะทั้งสองใบนี้คือ Gold Standard ของวงการ แต่รู้หรือไม่ว่าเส้นทางของสองใบนี้ "คนละขั้ว" กันเลยทีเดียว
 

บทความนี้จะสรุปให้ชัดๆ ว่าใบไหนเหมาะกับใคร และที่สำคัญ ใบไหนที่จะช่วยให้คุณดูโปรและน่าเชื่อถือได้ "เร็วที่สุด" ในตลาดงานประเทศไทยปี 2025
 



1. ภาพรวม: CFP vs CFA ต่างกันตรงไหน? (ตารางเปรียบเทียบ)

เพื่อให้เห็นภาพชัดเจน เรามาดูกันที่แก่นของงานที่ต้องทำ:

 
หัวข้อเปรียบเทียบ CFA (Chartered Financial Analyst) CFP (Certified Financial Planner)
จุดโฟกัส (Focus) เน้น "วิเคราะห์การลงทุน" เจาะลึกหุ้น ตราสารหนี้ งบการเงิน เศรษฐศาสตร์ เน้น "วางแผนชีวิตลูกค้า" บริหารรายรับรายจ่าย ภาษี มรดก เกษียณ ประกัน
ลูกค้าหลัก องค์กร/กองทุน: ทำงานเบื้องหลัง บริหารพอร์ตระดับพันล้าน วิเคราะห์บริษัท บุคคล/ครอบครัว: ทำงานเบื้องหน้า คุยกับคน ช่วยให้ลูกค้าบรรลุเป้าหมายการเงิน
อาชีพยอดฮิต นักวิเคราะห์ (Analyst), ผู้จัดการกองทุน (Fund Manager), IB ที่ปรึกษาการเงิน (Financial Advisor), Wealth Manager, Private Banker
ความยาก/ระยะเวลา โหดหิน: มี 3 Level (สอบเป็นลำดับ) ใช้เวลาเฉลี่ย 3-4 ปี ยืดหยุ่น: ทยอยสอบเป็นบทๆ ได้ (4 ชุดวิชาหลัก) จบไวสุด 6-12 เดือนได้
 

2. เจาะลึก: ใบไหนเพิ่มความน่าเชื่อถือได้ "เร็วที่สุด"?

นี่คือคำตอบที่คุณตามหา หากโจทย์ของคุณคือ "ความเร็ว" ในการสร้างโปรไฟล์ให้ดูน่าเชื่อถือเพื่อใช้สมัครงานหรือหาลูกค้า:



วางแผนการเงิน การเงิน สอนการเงิน นักวางแผนการเงิน CFP ThaiPFA  ผู้ชนะด้านความเร็ว: CFP (Certified Financial Planner)

เหตุผล: ในประเทศไทย หลักสูตร CFP มีโครงสร้างแบบ "Modular" หรือเก็บสะสมหน่วยกิตได้ คุณไม่จำเป็นต้องสอบให้ผ่านทั้งหมดถึงจะเริ่มใช้งานได้

  • ทางลัดสร้างโปรไฟล์: เพียงแค่คุณสอบผ่านบางชุดวิชา (เช่น ชุดวิชาที่ 1 และ 2) คุณจะมีความรู้พื้นฐานแน่นพอที่จะไปสอบใบอนุญาต IC Complex หรือ IP (Investment Planner) ได้ทันที ซึ่งแค่นี้ก็เพียงพอให้ธนาคารหรือบริษัทหลักทรัพย์อ้าแขนรับคุณเข้าทำงานในฐานะ Wealth Advisor แล้ว

  • AFPT™ (Associate Financial Planner Thailand): หากคุณสอบผ่านชุดวิชาตามเกณฑ์ (แต่ยังไม่ครบเล่มจบ CFP) คุณสามารถขึ้นทะเบียนเป็น ที่ปรึกษาการเงิน AFPT™ ได้ ซึ่งเป็นคุณวุฒิที่มีเกียรติและใช้การันตีความสามารถได้จริงบนนามบัตร โดยไม่ต้องรอจบครบทุกเล่มเหมือน CFA



วางแผนการเงิน การเงิน สอนการเงิน นักวางแผนการเงิน CFP ThaiPFA  รองชนะเลิศ: CFA (Chartered Financial Analyst)

เหตุผล: CFA เป็นการวิ่งมาราธอน คุณต้องสอบผ่าน Level 1 เป็นอย่างน้อยถึงจะเริ่มใส่ใน Resume ได้ว่า "Passed CFA Level 1"

  • CFA Level 1: แม้จะสอบผ่านแค่ Level 1 ก็ถือว่าเครดิตดีมากในสายตานายจ้าง (เพราะข้อสอบยากและตัดเกรดโหด) แสดงถึงความอึดและความฉลาด แต่คุณยังนำชื่อ CFA มาห้อยท้ายชื่อไม่ได้จนกว่าจะผ่านทั้ง 3 Level และเก็บชั่วโมงทำงานครบ

  • Time-to-market ช้ากว่า: การจะผ่าน Level 1 ต้องเตรียมตัวอย่างน้อย 4-6 เดือน และรอบสอบมีกำหนดเวลาที่แน่นอนกว่า

สรุปฟันธง: ถ้าอยากมี Title เท่ๆ และใบเบิกทางในการทำงาน เร็วที่สุด ให้เริ่มที่ CFP (หรือ AFPT) แต่ถ้าอยากได้บารมีขั้นสุดในสายวิเคราะห์ และรอได้ 1-2 ปี ให้ลุย CFA Level 1

 


3. เรื่องเงินๆ ทองๆ: เงินเดือนสายการเงินในไทย (Salary Guide)

ข้อมูลโดยประมาณในตลาดแรงงานไทย (ขึ้นอยู่กับประสบการณ์และโครงสร้างบริษัท)

 

สาย CFA (Analyst / Fund Manager)

  • รูปแบบรายได้: เน้นเงินเดือนประจำ (Base Salary) สูง + โบนัสตามผลประกอบการกองทุน

  • เด็กจบใหม่ (Entry Level): เริ่มต้น 30,000 - 55,000 บาท

  • มีประสบการณ์ + CFA Charterholder: แตะระดับ 100,000 - 300,000+ บาทต่อเดือนได้ไม่ยากในองค์กรข้ามชาติ

     

สาย CFP (Financial Advisor / Wealth Manager)

  • รูปแบบรายได้: เงินเดือนประจำ (อาจน้อยกว่าสายวิเคราะห์) + ค่าคอมมิชชั่น/Incentive (เพดานรายได้ไม่จำกัด)

  • Entry Level: 25,000 - 40,000 บาท (แต่ถ้ารวมคอมมิชชั่นอาจแตะ 6 หลักได้ตั้งแต่ปีแรกถ้าขายเก่ง)

  • Senior Wealth / Private Banker: รายได้รวมมักเกิน 150,000 - 500,000+ บาทต่อเดือน ขึ้นอยู่กับ AUM (สินทรัพย์ลูกค้า) ที่ดูแล


    หมายเหตุ ตัวเลขมีความเปลี่ยนแปลงตามความสามารถ



4. อยากเริ่มวันนี้ ต้องทำอย่างไร?

 

ถ้าเลือกทีม CFP (สายคุย สายวางแผน)

  1. สมัครอบรม: เริ่มที่ "ชุดวิชาที่ 1: พื้นฐานการวางแผนการเงิน" กับศูนย์อบรม (เช่น ThaiPFA ศูนย์อบรมต้นแบบแห่งแรกของประเทศไทยในการจัดอบรมและพัฒนาหลักสูตรนักวางแผนการเงิน CFP )

  2. สอบ: สมัครสอบกับสมาคมนักวางแผนการเงินไทย (TFPA)

  3. Next Step: เมื่อผ่านชุด 1 แล้ว คุณจะเข้าใจภาพรวม และเริ่มมีความมั่นใจในการคุยกับลูกค้าทันที



ถ้าเลือกทีม CFA (สายวิเคราะห์ สายเจาะลึก)

  1. เช็กสิทธิ์: ต้องจบป.ตรี หรืออยู่ปี 4 (หรือมีประสบการณ์ทำงานตามเกณฑ์)

  2. สมัครสอบ: สมัครผ่านเว็บ CFA Institute (ค่าสอบเป็น USD เตรียมเงินประมาณ 3-4 หมื่นบาท)

  3. Next Step: ซื้อหนังสือ (SchweserNotes นิยมมาก) แล้วเริ่มอ่านทันที อย่างน้อย 300 ชั่วโมง!

 


 

สรุปสุดท้าย: อย่าเลือกเพราะ "เขาบอกว่าดี" แต่จงเลือกจาก "งานที่คุณอยากตื่นมาทำทุกวัน"

  • ชอบตัวเลข อยู่กับหน้าจอ ไม่ชอบง้อคน = CFA

  • ชอบพูดคุย แก้ปัญหาชีวิตคน ชอบอิสระ = CFP

หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น และขอให้สอบผ่านใบท่ีใช่สำหรับคุณครับ!


สอบถามเพิ่มเติมได้ที่LINE: @thaipfa
https://lin.ee/Wq4zUNq
 

ThaiPFA NEWS

เรื่องราวดีๆ ที่อยากบอกเล่า พร้อมข่าวสารและสาระดีๆ ทางการเงิน

ผลงานที่ผ่านมา
portfolio
  • In-House Training, Public Training และบริษัทอื่นๆ...

ความคิดเห็นของผู้เข้าอบรม

หลากหลายความประทับใจ และ คำแนะนำให้อบรมหลักสูตรการวางแผนการเงิน CFP
และหลักสูตรการเงินอื่นๆ กับ ThaiPFA